วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560

พระเมรุมาศ 2-30 พ.ย.

#ข่าวประชาสัมพันธ์ เปิดให้ชมนิทรรศการพระเมรุมาศ 2-30 พ.ย.

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จเป็นประธานเปิดนิทรรศการ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน

เปิดให้เข้าชม ...
วันที่ 2 -30  พฤศจิกายน 2560
เวลา07.00 - 22.00 น.

เบื้องต้นจะเปิดให้เข้าชมอย่างอิสระ รอบละ 5,500 คน รองรับประชาชนได้วันละ 104,000 คน แบ่งเป็น

- กลุ่มภิกษุ สามเณร 500 รูปต่อวัน
- ผู้พิการทุกประเภท 500 คนต่อวัน
- นักท่องเที่ยว 8,000 คนต่อวัน
- นักเรียน นักศึกษา 15,000 คนต่อวัน
- ประชาชนทั่วไป 80,000 ต่อวัน

* กำหนดเวลาเข้าชมรอบละ 1 ชั่วโมง
แบ่งเป็น...
ให้ประชาชนถ่ายภาพที่ระลึกบริเวณถนนเส้นกลางทางเข้าพระเมรุมาศ ซึ่งจะเห็นภาพแปลงนาเลขเก้าไทย คและภาพภูมิทัศน์ส่วนต่างๆ ของพระเมรุมาศในมุมกว้าง 15 นาที
จากนั้น...จะให้เข้าชม พื้นที่ด้านใน 45 นาทีโดยให้เข้าชมอย่างอิสระ....

ในส่วนของพระเมรุมาศ จะเปิดให้ประชาชนขึ้น-ลงได้ 2 ด้าน...
  
พระที่นั่งทรงธรรม ซึ่งจัดแสดงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ รวมถึงยังมีภาพจิตกรรมโครงการในพระราชดำริ ให้ชมทั้ง 3 ด้าน....

ส่วนอาคารประกอบอื่น ๆ จะแสดงการจัดสร้างพระเมรุมาศ งานปราณีตศิลป์และงานจิตกรรมประเภทต่าง ๆ  อำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการ จัดให้มีนิทรรศการสัมผัส พร้อมเสียงบรรยายเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจถึงความเป็นมาของการจัดสร้างพระเมรุมาศ และอาคารประกอบทั้งหมด ถือเป็นความภาคภูมิใจ

ทั้งนี้ก่อนหมดเวลา เข้าชม 5 นาทีจะมีสัญญาณแจ้งหมดเวลาเข้าชม เพื่อเปิดให้รอบต่อไป ได้เข้าต่อ คาดว่าจะมีประชาชนเข้าชมทั้งหมดกว่า 3 ล้านคน

*** บริเวณทางเข้ามีจุดคัดกรอง 5 จุด โดย

ประชาชนทั่วไปให้เข้าในจุดคัดกรอง 3 จุด
-บริเวณหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน(รด.)
-ท่าช้าง
-พระแม่ธรณีบีบมวยผม

ผู้พิการเข้าตรงจุดคัดกรองหลังกระทรวงกลาโหม
- พระภิกษุ สามเณร เข้าทางด้านหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.)

ประชาชนแต่งชุดสุภาพ เช่นเดียวกับการเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว โดยงดเว้น สายเดี่ยว กางเกงขาสั้น และเสื้อแขนกุด

เข้าชมนิทรรศการได้ตั้งแต่เวลา 7.00-22.00 น.

ผู้ประสงค์จะเข้าชมนิทรรศการ สามารถเข้าคิวรอตรงจุดพักรอ บริเวณเต็นท์ที่จัดเตรียมไว้ เพื่อรอคิว การเข้าชมจะใช้แนวปฏิบัติเดียวกับการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ โดยจะจัดเป็น 4 แถว  

องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)จะจัดรถโดยสารให้บริการฟรีใน 6 เส้นทาง ตั้งแต่เวลา 05.00 -23.00 น.
เส้นทางละ 10 คัน รอบละ 60 คัน ได้แก่ ...
1.อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-สนามหลวง
2.หัวลำโพง-สนามหลวง                                                                                                                                             
3.วงกลมรอบเกาะรัตนโกสินทร์-สนามหลวง
4.เอกมัย-สนามหลวง                                                                                                                                                            
5.สายใต้ใหม่-สนามหลวง
6.หมอชิต-สนามหลวง            

ส่วนทางเรือจะให้บริการ ตั้งแต่เวลา 06.00-22.30 น.ที่ท่านิเวศวรดิษฐ์ และท่าราชนาวิกสภา
ผู้ให้บริการเรือด่วน เรือเมล์ ขยายเวลารองรับการเดินทางของประชาชนด้วย

ภายในบริเวณพระเมรุมาศ มีการแสดงมหรสพ และการแสดงชุดต่างๆ ในเวลา 18.00-22.00 น. และจะมีการประโคมดนตรี วงบัวลอย บริเวณศาลาลูกขุน เวลา 08.00-17.00 น.
และทุกวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีการแสดงโขนหน้าพระที่นั่งทรงธรรม เพื่อให้ผู้เข้าชมนิทรรศการ ได้ซึบซับบรรยากาศเสมือนวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ...

#นิทรรศการพระเมรุมาศ #พระเมรุมาศ

วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560

6 วิธีเตรียมตัวก่อนเดินทางไปถวายดอกไม้จันทน์

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้สร้างความโศกเศร้าให้กับประชาชนชาวไทยเป็นอย่างมากและเพื่อเป็นการถวายความอาลัยและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ประชาชนจะเดินทางมาร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นจำนวนมาก ดังนั้น กรมการแพทย์ จึงมีคำแนะนำสำหรับประชาชนที่จะเดินทางเข้าร่วมพระราชพิธีดังกล่าว ดังนี้
1) ก่อนออกเดินทาง ควรศึกษาเส้นทางจราจร และเส้นทางเดินรถให้ละเอียดทั้งขาไป และขากลับ
2) สำหรับผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน เป็นโรคประจำตัวอยู่ ให้ทานยาและอาหารตามเวลา ต้องพกยาและมีรายชื่อยาติดตัวตลอดเวลา ซึ่งอาจใช้วิธีจดหรือถ่ายรูปซองยาไว้ที่โทรศัพท์มือถือ
3) กรณีที่เป็นผู้ป่วยเรื้อรัง/ ผู้สูงอายุควรเขียน ชื่อ สกุล หมายเลข โทรศัพท์ของผู้ที่ติดต่อได้ ระบุโรคที่เป็น โรงพยาบาลรักษาเป็นประจำ ประวัติการแพ้ยา พกในกระเป๋าสตางค์หรือที่ค้นง่าย เพื่อเป็นประโยชน์หากเกิดภาวะฉุกเฉิน
4) เตรียมของใช้ส่วนตัว เช่น อาหารแห้ง น้ำดื่มเท่าที่จำเป็น
5) ก่อนวันเดินทาง ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารให้ตรงเวลาและดื่มน้ำเยอะๆ
6) วันเดินทางในขณะที่รอ อาจพก ขนม/ น้ำดื่ม / ร่ม / หมวก /ยาดม ติดตัวไว้ด้วย

การบวชคืออะไร โดยพระอาจารย์ สมภพ โชติปัญโญ

วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2560

คำอุทิศถวายพระราชกุศล

คำอุทิศถวายพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
      
อิทัง ปุญญะผะลัง ปะระมินทะระมะหาภูมิพะละอะตุละยะเตชัสสะ โหตุ
ขอผลบุญกุศลนี้ จงสำเร็จเป็นบารมีธรรมถวาย
แด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัยด้วยเทอญ

วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ปิดเส้นทางจราจร นคราชสีมา

แผนปิดเส้นทางจราจรงานพิธีถวายดอกไม้จันทน์ฯ
ภายในเขตพื้นที่อำเภอเมืองนครราชสีมา
วันที ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ เวลา ๐๖.๐๐-๒๔.๐๐ น.

แผนปิดเส้นทางจราจรงานพิธีถวายดอกไม้จันทน์ฯ
แผนปิดเส้นทางจราจรงานพิธีถวายดอกไม้จันทน์ฯ

ปิดการจราจร ๑๒ จุด
๑.แยกไอที
๒.แยกวัดม่วง
๓.แยกศรีมิตร
๔.แยกหนองบัวรอง
๕.แยกโรงต้ม
๖.แยกปฐมวัย
๗.แยกที่ดิน
๘.แยกออมสิน
๙.แยกวัดบึง
๑๐.แยกปั้มเชลล์
๑๑.แยกเพียบร้อม
๑๒.แยกบ้านพักศาลอุทธรณ์

วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2560

บทสวดถวายสังฆทานแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ

บทสวดคำถวายสังฆทาน : นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ(3 จบ) อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุโน ภันเต ภิกขุ สังโฆ อิมานิ ภัตตานิ สะปะริวารนิ ปะฏิคคัณหาตุ ปะระมินทะมะหาภูมิพะละอะตุละเตชะมหาราชัสสะ เจวะ อัมหากัญจะ ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
คำแปล :  ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวาย ซึ่งภัตตาหาร พร้อมกับของบริวาร ทั้งหลายเหล่านี้แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับซึ่งภัตตาหารกับของบริวารทั้งหลาย เหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข เพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย และแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ด้วยตลอดกาลนานเทอญฯ
--------------------------------
เผยแพร่ โดย : สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร
ที่มา มติชน 

วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ประสัมพันธ์ให้ชาวโคราชทุกท่านทราบ

#ประสัมพันธ์ให้ชาวโคราชทุกท่านทราบ
🌻 วันที่ 26 ตุลาคม 2560 จังหวัดนครราชสีมา จะมีพิธีถวายดอกไม้จันทน์  ตั้งแต่เวลา 09.00 น. - 17.30 น. ณ พระเมรุมาศจำลอง สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

ซึ่งจังหวัดฯ ได้จัดตั้ง เต้นท์ โต๊ะ เก้าอี้ ไว้ให้บริการประชาชน พร้อมติดตั้งจอ LED. และโทรทัศน์ไว้รับชมพิธีถ่ายทอดสดจากส่วนกลาง

🌻 จากนั้นจะอัญเชิญดอกไม้จันทน์ไปประกอบพิธีที่ วัดสุทธจินดาวรวิหาร อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตามกำหนดเวลาที่ส่วนกลางกำหนด ไปจนถึงเวลา 22.00 น.

🌻 สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด/อำเภอเมือง จิตอาสาด้านดอกไม้จันทน์

🌻 บริการจอดรถฟรี !!! ประชาชนที่มาถวายดอกไม้จันทน์สามารถนำรถไปจอดได้ที่
       ● ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช
       ● ห้างเทอร์มินอล 21 โคราช มีรถไฟฟ้าวิ่งบริการรับ-ส่ง ฟรีตลอดทั้งวัน
       ● ธนาคารกรุงไทย
       ● ธนาคารออมสิน สาขาศาลากลางจังหวัดฯ
       ● ห้างสรรพสินค้าคลังพลาซ่า
       ● สนามกีฬาค่ายสุรนารี
       ● วัดพายัพ  วัดบึง  วัดสระแก้ว
       ● โรงเรียนวัดสระแก้ว
       ● วิทยาลัยอาชีวศึกษา นม.
       ● โรงเรียนเมือง นม.
       ● โรงเรียนอนุบาล นม.
       ● โรงเรียนสุรนารีวิทยา
       ● สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด นม.
       ● โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
       ● โรงพยาบาลค่ายสุรนารี
       ● โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา
       ● โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

🌻 กองพันเสนารักษ์ที่ 3 จัดหน่วยปฐมพยาบาลไว้รองรับประชาชนที่เจ็บป่วยในระหว่างมาร่วมงาน ทั้งที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดฯ และวัดสุทธจินดาวรวิหาร

🌻 สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดฯ, สโมสรโรตารี่ในพื้นที่จังหวัด นม., สโมสรไลออนส์ในพื้นที่จังหวัด นม. และองค์กรภาคเอกชน ออกร้านอาหารและบริการน้ำดื่มบริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดฯ

🌻 ประชาชนสามารถเข้าใช้ห้องสุขาได้ที่ศาลากลางจังหวัด, รถสุขาเคลื่อนที่ที่มาจอดให้บริการ

🌻 การเดินทางในเขตเทศบาลนครราชสีมา จะมีตำรวจจราจร และจิตอาสาด้านการจราจร คอยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนทุกเส้นทางในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา

🌻 วิทยาลัยนาฏศิลป์นครราชสีมา จัดแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ในห้วงเวลาพิธีพระราชทานเพลิงพระบรมศพ ณ ฌาปนสถาน วัดสุทธจินดาวรวิหาร

Cr. ข่าว กู้ภัยโคราช

วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ศาสนาไม่สอนสิ่งที่ผิด

ศาสนาไม่สอนสิ่งที่ผิด
ธรรมจาริกแดนหมีขาว
     " พุทธทํานาย เคยตรัสเรื่องหนึ่งว่า ในที่สุด พระสงฆ์ ก็จะเหลือแต่ ผ้าเหลืองทัดหู อาตมาไม่เคยเชื่อว่ามันจะเป็นความจริงในยุคนี้ เพราะนี่เพียงแค่ผ่านกึ่งพุทธกาลไปไม่นานเท่านั้น แต่เราต่างก็เห็นว่า พระสงฆ์ได้ตกเป็นเป้าหมาย ถูกทำร้ายอย่างทารุณโหดร้าย จนถึงตายก็มีเป็นจำนวนมาก  ทำให้อาตมาเกิดความรู้สึกว่า การสวมใส่ผ้าเหลืองในยุคนี้ เริ่มมีปัญหาขึ้นแล้ว "
     ใช่...พระสงฆ์ในประเทศไทย เป็นเป้าหมายของการทำร้าย ทั้งถูกเข่นฆ่าและทารุณกรรม    เหตุการณ์เช่นนี้เริ่มจากภาคใต้ และลุกลามไปยังจังหวัดอื่นแล้ว นอกจากนี้ พระสงฆ์ยังเป็นเป้าหมายของการโจมตี การให้ร้ายทางสื่อ จนกระทั่งสังคมเข้าใจผิด คิดว่า เป็นพระสงฆ์ส่วนใหญ่ประพฤติปฎิบัติตนไม่เป็นที่น่าเคารพ จึงทำให้พระสงฆ์ดีๆจำนวนมากตกอยู่ในภาวะกดดันและอยู่ยาก
     ยิ่งกว่านั้น พระสงฆ์ เริ่มรู้สึกว่าตนเอง มี ปัญหาจากสภาพ  ความเป็นพลเมืองชั้นสอง ที่ไม่ได้รับ สิทธิพลเมืองและสิทธิสวัสดิการขั้นพื้นฐานจากรัฐ ดังมีข้อสังเกตว่า การที่พระสงฆ์ไม่มีสิทธิ์มีเสียง ในการเลือกตั้ง ทำให้นักการเมืองที่เป็นใหญ่ไม่เกรงใจ ไม่สนใจพระ เพราะพระไม่เป็นคะแนนเสียง สำหรับเขาและพรรคการเมืองของเขา
      " อาตมาคิดถึงพระสงฆ์มหายาน ซึ่งได้มีการ เปลี่ยนแปลงวิถีของพระสงฆ์ หลายประการ ซึ่งน่าจะมาจาก การปรับเปลี่ยน เพื่อให้สอดคล้องกับ สภาวะในแต่ละท้องถิ่น เช่น การจัดทำโรงอาหารเจสำหรับพระสงฆ์ในวัดพื่อที่นักบวชของเขาจะได้ไม่ต้องออกไปบิณฑบาตนอกวัด และการแต่งกายที่แตกต่างออกไป เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น อาตมาคิดว่า พระสงฆ์ ในประเทศไทย ปัจจุบัน ก็มีความเสี่ยงจากปัญหา การออกบิณฑบาต เพราะพระตกเป็นเป้าหมายของการลอบทำร้าย จากศัตรูที่มองไม่เห็นตัว อีกทั้งอาหารที่ได้บิณฑบาตมา  ก็มีอาหารที่ไม่สะอาดบ้าง ไม่มีคุณภาพบ้าง และบางทีอาจมีสิ่งแปลกปลอมที่มีพิษร้ายต่อพระสงฆ์ แม้กระทั่งการปนเปื้อนจากยาเสพติด จากผู้ประสงค์ร้ายก็มี "
       ปัญหาเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากความอ่อนแอของทางการ ในการจัดการ กับปัญหา แต่พระสงฆ์เถรวาท ที่ไม่ออกบิณฑบาตเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเพราะมีพระบัญญัติ ให้พระสงฆ์ต้องออกบิณฑบาตรไปโปรดสัตว์ มาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว
     โลกในยุคดิจิตอล พระสงฆ์เริ่มอยู่ยาก คนรุ่นใหม่มี ข้อมูลข่าวสารมากมายอยู่รอบตัว เป็นผลให้คนที่ไม่ใช่นักบวชก็ สามารถไขว่คว้าหา ธรรมะ ได้ง่าย โดยแทบไม่ต้องพึ่งพาพระสงฆ์เหมือนเมื่อก่อน บางคนรู้พระไตรปิฎก รู้พระอภิธรรม แล้วยังสวดมนต์เก่งกว่าพระอีก โยมจึงมีความรู้สึกว่า ตนเองมีความรู้มากกว่าพระสงฆ์ ทำให้โยมมีความคิดผิดๆว่า พระสงฆ์ก็คือคนธรรมดาห่มผ้าเหลืองเป็นสัญญลักษณ์เท่านั้นเอง หามีคุณวิเศษเป็นอริยะชนไม่
     "อันนี้ต้องคิดใหม่ พุทธบุตร ของพระพุทธเจ้าต้องถือศีล 227 ข้อ สูงกว่าฆราวาส ท่านหอมด้วยศีล ฆราวาสจะต้องเคารพ เพราะเป็นเนื้อนาบุญ และเป็นพุทธบุตรของพระพุทธเจ้า ถ้าพระสงฆ์ใดไม่เป็นพระแท้ หรือปฏิบัติผิดพระวินัย พุทธศาสนิก ต้องช่วยกันดูแลสอดส่องให้ท่านอยู่ในกรอบแห่งพระธรรมวินัย หรือไม่ก็อาราธนาให้ท่านสึกออกไป อย่าครองผ้าเหลืองให้ศาสนามัวหมอง และเป็นบาปกับตัวเอง อย่างร้ายแรง  ส่วน พุทธบุตรที่บวชใหม่ ก็เหมือนเด็กเกิดใหม่ ต้องค่อยๆประคับประคอง ให้ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ดีเช่นกัน สำหรับพระสงฆ์ก็ต้องปฏิบัติตัวใหม่ ให้เป็นที่น่าเคารพเพื่อทำหน้าที่สืบต่อพระพุทธศาสนาต่อไป"พระชาตรีกล่าว
   อันตรายต่อความศรัทธาในพระพุทธศาสนายังมาจาก ความเชื่อที่ไม่ถูกต้องซึ่งมี 2 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
   ประเด็นที่ 1 ความเชื่อว่าหลังจากการตายแล้ว อัตตาขาดสูญ กรรมไม่มีผลใดๆ ต่อผู้กระทำ
     ประเด็นที่ 2 สุญญตาเป็นสูญ คือ ความไม่มีอะไร  นิพพานไม่มีอัตตาไม่มีสิ่งใดเป็นสูญ ไม่ใช่สิ่งที่ควรปรารถนา
      สองประเด็นนี้ เป็น ทิฏฐิ ที่ร้ายแรงมาก เรียกว่า เป็นอุจเฉททิฏฐิ มีที่ไปที่เดียวคือโลกันตนรก เพราะปฏิเสธ เรื่องจิตและภพชาติ ซึ่งเป็นคำสอนที่ลึกซึ้งของ     พระพุทธเจ้า 
     คนรุ่นใหม่มักปฏิเสธว่า ชีวิตหลังความตาย ไม่มีจริง พิสูจน์ไม่ได้ ภพภูมิก็ไม่มีจริง  กรรมก็ไม่มี จึงไม่มีผลของกรรมจากการกระทำทุกอย่าง   ไม่ว่ากรรมดีชั่วไม่มีผลย้อนกลับมาถึงตัวผู้กระทำ ทุกอย่างจึงจบสิ้นเพียงแค่ตายแล้วสูญ  ยิ่งมุมมองเรื่องนิพพานที่เป็นสภาวะสูงสุดว่า เป็นสูญอีกก็ยิ่งร้ายเข้าไปอีก เพราะ สภาวะนิพพานนั้นไม่ว่า จะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ก็เป็นสภาวะที่ไม่มีการเกิดในวัฏสงสารอีกต่อไป จึงย่อมเป็นสิ่งที่ดี น่าปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง
      ผู้ที่มีความเชื่อว่า ตายแล้วสูญ และทำตามใจตัวเองในสิ่งที่ผิด แม้แต่การทำบาปอย่างมหันต์เพราะความคิดว่า ตายแล้วสูญเป็นพวกที่ มีความประมาทในชีวิตอย่างน่าสงสาร แต่ก็ยังไม่น่าสงสารเท่าผู้ที่เชิ่อในการทำบาปด้วยเชื่อว่า บาปนั้นเป็นความดีเป็นความบริสุทธิ์ เป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการ เมื่อตายแล้ว พระเจ้าก็ให้อภัย เพราะที่ทำไปแล้วนั้น เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า คนเหล่านี้ เป็นผู้มีศรัทธา  แต่หลงผิด พวกเขาน่าจะคิดได้ว่า ความเชื่อที่รับรู้มานั้นไม่ถูกต้อง เพราะไม่มีพระเจ้าพระองค์ใด อยากให้มนุษย์ทำความชั่วและเบียดเบียนผู้อื่น เพียงแต่ คำสอนนั้นได้ถูกบิดเบือนไปอย่างแน่นอน
       ในยุคสมัยที่ความเจริญทางด้านวัตถุแผ่ออกไปอย่างไร้ขีดจำกัด และไม่มีพรมแดน แนวคิดแบบอุจเฉททิฏฐิ แผ่ขยายอิทธิพลครอบงำมวลชนได้อย่างเด่นชัด  ทั้งนี้ก็เพราะว่า แนวคิดเช่นนี้มีความแนบสนิทกันเป็นอย่างมากกับลัทธิวัตถุนิยมที่ทำให้หลงผิดคิดว่า ชีวิตนี้ก็มีเพียงโลกนี้เท่านั้น ไม่มีภพชาติ ไม่มีบาปบุญ ไม่มีนรก สวรรค์ เมื่อตายไปแล้วทุกอย่างก็จบสิ้นเพียงชาตินี้เท่านั้น ฉะนั้น ผู้คนที่มี มิจฉาทิฏฐิทั้งหลาย จึงพากันเสพ ดื่ม กิน เพื่อความสุขสำราญทางกามคุณกันอย่างเต็มที่ ในขณะที่มีชีวิตอยู่
      แต่พระพุทธศาสนาเห็นว่า ความเชื่อเช่นนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ และได้แสดงทัศนะยืนยันในเรื่องชีวิตหลังความตายไว้อย่างชัดเจนว่า ตายแล้ว ไม่ขาดสูญ มีความเชื่อมโยง สืบต่อแห่งสายธารของชีวิตที่เป็นไปตามอำนาจของอวิชชาและตัณหา ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อน และประกอบพร้อมไปด้วยกรรมที่ตนได้กระทำไว้ ที่จะนำพา วิญญาณไปสู่ภพ ภูมิต่าง ๆ อย่างไม่มีวันสิ้นสุดในวัฏสงสาร จนกว่าจะสิ้นกรรมอันเป็นตัวจำแนกสัตว์ หรือได้บรรลุพระโพธิญาณหมดสิ้นกิเลสการเวียนว่านตายเกิดแล้ว  สงสารวัฏจึงจะสิ้นสุด
     พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า อวิชชาและตัณหา เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สัตว์หรือมนุษย์ตายแล้วต้องเกิดอีก  อวิชชาสนับสนุนการปฏิสนธิวิญญาณให้เกิดขึ้นและเวียนว่ายตายเกิดในสงสารวัฏ โดยกำหนดเบื้องต้นและเบื้องปลายไม่ได้ กระบวนการเกิดใหม่ของมนุษย์ในแต่ละครั้งนั้นเปรียบเหมือนการปลูกพืช คือ ตราบใดที่ กรรม วิญญาณ ตัณหา และอวิชชายังมีอยู่ ตราบนั้นการเวียนว่ายตายเกิดจะมีอย่างไม่สิ้นสุด เพราะว่า ปัจจัยเหล่านี้เป็นตัวขับเคลื่อนให้มนุษย์เกิดใหม่ในภพภูมิ อื่นๆอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
     "อาตมาบูชาคำกล่าวเปรียบเทียบของพระพุทธเจ้าที่ทรงตรัสว่า  กรรมจึงได้ชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณ เป็นพืช ตัณหาเป็นยางเหนียว วิญญาณดำรงมั่นอยู่ได้ เพราะธาตุอย่างหยาบ...เพราะธาตุอย่างกลาง...เพราะธาตุอย่างประณีตของสัตว์ทั้งหลายที่มีอวิชชาเป็นเครื่องปิดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ การเกิดในภพใหม่จึงมีต่อไป"
     บทสวดมนต์ที่เตือนใจเราได้ดี สมควรที่จะท่องจำไว้ให้ได้ก็คือ
   " สัตว์ทั้งหลายเกิดมาเป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน เป็นผู้รับผลของกรรมนั้น มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย หากทำกรรมใดไว้ จะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น"
    ผู้ใดที่รู้ประจักษ์แล้ว ซึ่งราคะ โทสะ โมหะ และกระทำ วิชชา ให้เกิดขึ้นอยู่เท่านั้นจึงจะละ ทุคติได้  จึงย่อมเกิดสัมมาทิฏฐิ และย่อมเข้าใจ ในปฏิจจสมุปบาท คือ กระบวนการนี้สิ่งทั้งหลายจะเกิดขึ้น   เป็นอยู่ ดับไป  อันเป็นห่วงโซ่แห่งความสัมพันธ์  ของวัฏฏะแห่งกิเลส  กรรม  และวิบาก ในวัฏสงสาร
     สำหรับ ประเด็นที่ 2 ในเรื่องของ สูญญตาและนิพพานนั้น  พระพุทธองค์ก็ไม่ทรงตอบอัพยากตปัญหา  คือปัญหาที่ไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ด้วยประสบการณ์ของมนุษย์   เพราะไม่นำไปสู่ความสิ้นทุกข์และไม่มีผลในทางปฏิบัติสำหรับชีวิตจริง  เป็นปัญหาที่อธิบายแล้วคนไม่อาจจะมองเห็น พระองค์จึงตรัสว่า ปัญหานี้ไม่สมควรนำมาถกเถียงกัน
     " ผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องกรรม ภพชาติ และการทำความดี  น่าจะใช้สติปัญญาตรองดู ให้ถ่องแท้ มิฉะนั้น เมื่อตายไปแล้วจะต้องตกไปสู่อบายภูมิ ไม่ผุดไม่เกิด ไปอีกชั่วกัปชั่วกัลป์ ช่างน่าสงสารเป็นที่สุด"
ขอบคุณบทความจาก..ปรียาลักษณ์ โทณะวณิก -จริยา สมุลไพร
ธรรมจาริกแดนหมีขาว
ภาพจากกูเกิล
................

วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2560

แอบอ้าง

ถ้าใครแอบอ้างว่าเป็นตำรวจ มาข่มขู่ รึ มาจับญาติพี่น้อง
เพียงใส่ชื่อ นามสกุลในนี้ ก็จะทราบทันที ว่าของจริง รึของปลอม ครับ

http://103.82.248.52/index.php

ใช้ได้ทุกชั้นยศ
แชร์ไปให้ญาติๆ ตจว.ด้วยได้เลยนะ

วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2560

สร้างรูปโปรไฟล์พร้อมโบว์ดำ สำหรับ Facebook ,LINE


1.เข้าเว็บสร้างรูปโปรไฟล์โบว์ดำ
https://blackribbon.nuuneoi.com/
2.นำรูปที่จะสร้างโปรไฟล์ เตรียมไว้
3.คลิปปุ่ม Choose an Image เพื่ออับรูปสร้างโปรไฟล์
4.เสร็จแล้ว จะมีปุ่มให้เลือก
     -  สี่เหลี่ยม สำหรับ Facebook
     -  วงกลม สำหรับLINE
5.คลิกปุ่ม Create a Profile Picture
6.เสร็จแล้วจะปรากฎภาพขึ้นมาด้านขวาให้คลิก ขวา บันทึกเป็น...
แค่นี้ก็จะได้รูปโปรไฟล์ติดโบว์ดำเพื่อไวอาลัยแล้วครับ

วันอังคารที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ศิษย์รัก

ศิษย์รักต้องเข้าใจในหลักธรรมจริง  จึงบำเพ็ญได้ถูกต้อง....

ปุถุชนค้นหาทรัพย์เงินตรา...  ก็เพื่อเลี้ยงชีพ...  เลี้ยงครอบครัว...  สร้างฐานะทางสังคม ....
แต่วันนี้ได้รับโอกาสดี...  เจ้าต้องรู้จักถนอมรักษาบุญสัมพันธ์....

มีทรัพย์เงินตรารู้จักใช้  สามารถแปรเปลี่ยนเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ ใช้เวลานี้บำเพ็ญตน  ....

ชีวิตมนุษย์ยากที่จะออกบวชได้ด้วยความยินดี...  เพราะว่าในการดำรงชีวิตยังไม่สะดวกอำนวย...   ดังนั้น ยุคขาวศิษย์สามารถบวชจิตอยู่ในการครองเรือนได้  เจ้าต้องพิเคราะห์ให้ดี ...  การบวชจิตต้องฝึกฝน .... ขัดเกลาจิตใจให้ลดละเลิกจากกิเลส .... จากอบายมุข  หมั่นฝึกฝนจึงก้าวสู่ปราชญ์เมธา...

ปราชญ์เมธาค้นหาสัจธรรมแท้... คือผู้ที่มุ่งมั่น ทุกนาทีของชีวิตคือการบำเพ็ญฉุดช่วยตน  ช่วยผู้อื่น ...การช่วยตนเองคือก้าวแรกที่จะดำเนิน   เมื่อศึกษาธรรม   บำเพ็ญธรรมกระจ่างเข้าใจ  จึงฉุดช่วยผู้อื่นขั้นต่อไป...

หนทางธรรมเพียงหนึ่งเดียวไม่เปลี่ยนแปร คือ หนทางหลุดพ้น  แม้กาลเวลาจะผ่านมาหกหมื่นกว่าปี  อริยะพุทธะโบราณเดินเส้นทางนี้   บำเพ็ญธรรม  บรรลุมรรคผล  หนทางธรรมเมื่อศิษย์นำพาก้าวเดิน   ปฏิบัติจริง  ก็เสมือนดั่งเจริญตามปฏิปทาพระพุทธะเช่นกัน...

โปรดสามโลกแพร่ธรรมจริงเก็บญาณคืน...   ณ  ยุคปัจจุบัน  จิตใจผู้คนตกต่ำ...  ขาดศีลธรรม .... คุณธรรม ....จึงต้องอาศัยธรรมะฟื้นฟูจิตเดิมแท้  หวังว่าเจ้าจะบำเพ็ญได้ดี ... ช่วยบรรพชน ... ช่วยครอบครัว....

การฉุดช่วยนั้น... ฉุดช่วยอย่างไรจึงจะพ้นจากความทุกข์ ... เจ้าต้องรู้จักตนเองก่อน.... มนุษย์ผู้ใดรู้จักหนทางพ้นทุกข์ .... รีบเร่งบำเพ็ญจะสามารถเข้าสู่สภาวะเดิมในกายตน.... คือ การย้อนมองส่องจิตตน นั่นเอง.... 

ช่วยคนพ้นจากทุกข์คือ... หลักธรรมความจริงแท้....  แม้จะช่วยผู้อื่น...  แต่หากผู้นั้นมิช่วยตน ... ใครจะช่วยได้...  หลักธรรมชี้นำทางให้ชีวิตตื่น   การฟังธรรมเพื่อจะนำพาไปใช้ในชีวิตประจำวัน...  อย่าดูเบา...  จากนี้ตั้งใจให้ดี.... เข้าใจหรือไม่ ?....
ที่มา 96rangjai.com