|
บทบาทหน้าที่ของพระสังฆาธิการ |
อำนาจของเจ้าอาวาส
อำนาจของเจ้าอาวาส ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๓๘ ได้บัญญัติไว้ว่า เจ้าอาวาสมีอำนาจ ดังนี้
(๑) ห้ามบรรพชิตและคฤหัสถ์ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาสเข้าไปอยู่อาศัยในวัด
(๒) สั่งให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ซึ่งไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาสออกไปเสียจากวัด
(๓) ตั้งให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ที่มีที่อยู่ หรือพำนักพักอาศัยในวัด ทำงานภายในวัดหรือให้ทำทัณฑ์บน หรือให้ขอขมาโทษ ในเมื่อบรรพชิตหรือคฤหัสถ์นั้นประพฤติผิดคำสั่งเจ้าอาวาสซึ่งสั่งโดยชอบด้วยพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ หรือ คำสั่งของมหาเถรสมาคม
ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์นี้ จำแนกอำนาจของเจ้าอาวาสออกได้ดังนี้
๑. ห้ามมิให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาสเข้าไปอยู่อาศัยในวัดนั้น
๒. สั่งบรรพชิตและคฤหัสถ์ซึ่งไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาสให้ออกไปเสียจากวัดนั้น
๓. สั่งบรรพชิตและคฤหัสถ์ที่มีที่อยู่หรือพำนักอาศัยในวัดให้ทำงานภายในวัดนั้น
๔. สั่งบรรพชิตและคฤหัสถ์ที่มีที่อยู่หรือพำนักอาศัยในวัดให้ทำทัณฑ์บน
๕. สั่งบรรพชิตและคฤหัสถ์ที่มีที่อยู่หรือพำนักอาศัยในวัดให้ขอขมาโทษ ในเมื่อบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ในวัดนั้นประพฤติผิดคำสั่งของเจ้าอาวาสซึ่งได้สั่งโดยชอบด้วย
พระธรรมวินัย
กฎมหาเถรสมาคม
ข้อบังคับมหาเถรสมาคม
ระเบียบมหาเถรสมาคม
คำสั่งมหาเถรสมาคม
ความเจริญและความเสื่อมของพระพุทธศาสนา
ยุคใดสมัยได ทางการคณะสงฆ์คือพระภิกษุสงฆ์ผู้มีหน้าที่บริหารคณะสงฆ์ (สมัยปัจจุบันนี้คือ พระสังฆาธิการทุกระดับชั้น โดยเฉพาะคือเจ้าอาวาส) มีการตื่นตัว มีการเคลื่อนไหว
กล่าวคือ เป็นผู้ไม่อยู่เปล่า ไม่กินเปล่า บำเพ็ญตนเป็น อัตถจารีบุคคล คือ เป็นบุคคลทำประโยชน์บำเพ็ญอัตตสมบัติและปรหิต ปฏิบัติอยู่เสมอยุคนั้นสมัยนั้น พระพุทธศาสนาย่อมจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางเจริญรุ่งเรือง
ยุคใดสมัยใด ทางการคณะสงฆ์คือพระภิกษุผู้มีหน้าที่บริหารคณะสงฆ์ หรือผู้มีหน้าที่บริหารพระศาสนาไม่มีการตื่นตัว ไม่มีการเคลื่อนไหว บำเพ็ญตนเป็น ทิฏฐธัมมสุขวิหารี คือ
แสวงหาความสุขในปัจจุบันไปวันๆหนึ่ง เป็นคนอยู่เปล่า กินเปล่า ปล่อยให้ชีวิตความเป็นอยู่ โทฆชีวิต ยุคนั้นสมัยนั้นพระพุทธศาสนาย่อมจะหยุดอยู่ และหยุดอยู่เพื่อความเสื่อม เพื่อถูกทำลายไปในที่สุด
หน้าที่ของพระสงฆ์ คือ รับผิดชอบต่อพุทธจักร
๑. มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา
๒. มีหน้าที่รักษาสังฆมณฑล
๓. มีหน้าที่ป้องกันความยากจน (ความอับจน) ของวัดวาอาราม
เจ้าอาวาสเป็นพระภิกษุผู้อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด
ในบรรดาพระสังฆาธิการ ๕ ชั้น ๑๑ ตำแหน่ง ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่บริหารพระศาสนามีหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์นั้นเจ้าอาวาสเป็นพระสังฆาธิการชั้นต่ำสุดและเป็นพระสังฆาธิการที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด พระพุทธศาสนาจะเจริญก็เพราะความเลื่อมใสของประชาชนหรือพระพุทธศาสนาจะเสื่อม ก็เพราะความไม่เลื่อมใสของประชาชนท่านเจ้าอาวาสย่อมเป็นตัวจักร สำคัญที่สุดในความเจริญและความเสื่อมของพระพุทธศาสนา เพราะเหตุนี้พระภิกษุผู้สมควรได้
รับเลือกเป็นเจ้าอาวาสหรือเป็นสมภารนั้น จึงสมควรมีคุณลักษณะ ๓ ประการ คือ
๑. ดีนอก คือ ประชาชนทั้งหลายเลื่อมใสหรือศีลาจารวัตรเรียบร้อย น่าเลื่อมใส
๒. ดีใน ?คือ พระภิกษุสงฆ์เลื่อมใสหรือ มีน้ำใจงามเป็นนักเสียสละ
๓. ยาวด้วย คือ เป็นผู้บวชนานหรือเป็นผู้เห็นการไกล
เจ้าอาวาสเป็นขวัญใจของประชาชน
๑. เมื่อยามชาวบ้านเขามีความสุข เขานิมนต์ให้ไปประสิทธิ์ประสาทพร ก็ยินดีรับนิมนต์ไปฉลองศรัทธาของเขาเพื่อช่วยบำรุงสุขใจให้แก่เขาโดยถือหลักเกณฑ์ปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอผู้ใดมาติดต่อขอนิมนต์ก่อนก็ไปฉลองศรัทธาผู้นั้นไม่เลือกที่รักผลักที่ชังหรือไม่รับนิมนต์เผื่อเลือกไม่มีการโมโหโลกะนะ
๒. เมื่อยามชาวบ้านเขามีความทุกข์เดือดร้อนก็ไปเยี่ยมเยียนปลอบใจ เพื่อช่วยบำบัดทุกข์ใจเป็นการแสดงน้ำใจไมตรีต่อเขา ไม่รักทิ้งกันเมื่อยามยาก เพราะธรรมดาคนเราจะเห็นใจกันก็เพราะไม่ละทิ้งกันเมื่อยามยากนี่แหละ
๓. เมื่อยามชาวบ้านเขาเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไปเยี่ยมไข้เพื่อเป็นการช่วยบำรุงขวัญช่วยให้กำลังใจ อันจะเป็นเหตุให้อาการป่วยไข้ของเขาหายวันหายคืน หรือเพื่อเป็นการช่วยให้เขามีจิตใจผ่องใสเบิกบานในวาระสุดท้ายของชีวิตก่อนจะจากโลกนี้ไปสู่สุคติโลกสวรรค์ ดังพระพุทธภาษิตว่า จิตฺเต อสงฺกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิฺกงขา แปลความว่า เมื่อจิตไม่เศร้าหมองแล้วทุคติย่อมเป็นอันหวังได้
๔. เมื่อยามชาวบ้านเขาตายก็ไปร่วมบำเพ็ญกุศลอุทิศให้เพื่อเป็นการบำรุงขวัญแก่พวกลูกหลานถ้าผู้ตายเคยมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับวัดได้เคยทำการอุปถัมภ์บำรุงวัดด้วยดีตลอดมา ก็รับเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลอุทิศให้ตามประเพณีนิยมของท้องถิ่นนั้นๆ
๕. เมื่อยามชาวบ้านเขาจัดงานทำบุญที่วัด หรือที่บ้านก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาตามสมควรไม่แสดงความรังเกียจหรือไม่แสดงตนเป็นคนเห็นแก่ได้ให้ปรากฏออกมานอกหน้า
๖. เมื่อยามชาวบ้านเขามีกรณีพิพาทกันในเรื่องต่างๆเช่นกรณีพวกลูกๆเกิดทะเลาะกันเรื่องการแบ่งมรดกเป็นต้น เจ้าอาวาสก็ทำหน้าที่เป็น อนุญาโตตุลาการ ช่วยเป็นผู้พิพากษาไกล่เกลี่ยให้พวกเขาประนีประนอมกันให้พวกเขามีความสมัครสมานสามัคคีต่อกันฉันพี่น้อง พร้อมที่จะยอมให้อภัยแก่กันและกัน ไม่ต้องฟ้องร้องแย่งมรดกกันในโรงศาล
๗. เมื่อยามชาวบ้านเขามีธุรกิจมาปรึกษาหารือก็ช่วยแนะนำชี้แจงให้เขาตามสมควรแก่สมณะวิสัยเพื่อช่วยให้เขาได้รับความสมหวังกลับไป
๘. เมื่อยามชาวบ้านเขามาเยี่ยมเยือนที่วัดก็ทักทายปราศรัยต้อนรับตามสมควรแก่ฐานะของเขา ให้เกียรติแก่คนทุกชั้น ทุกเพศ ทุกวัย ให้ความเป็นกันเองด้วยความเต็มใจ มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส (น้ำขุ่นเก็บไว้ข้างใน น้ำใสนำออกมาข้างนอก) ใช้คำพูดแบบสมณโวหาร พูดหวานขานเพราะไม่พูดถึงความบกพร่องของเขา
๙. เมื่อยามชาวบ้านเขาได้พบปะ ก็ทักทายปราศรัยฉันคนรู้จักมักคุ้นกัน ไม่แสดงกิริยาอาการเมินเฉย ไม่พูดล้อเล่นในเรื่องที่จะทำให้เขาเกิดความเข้าใจผิดกัน จนเป็นเหตุเกิดการทะเลาะวิวาทบาดหมางกันโดยเฉพาะคือเรื่องระหว่างผัวเมีย
๑๐. เมื่อยามพวกชาวบ้านเขานัดชุมนุมการเพื่อทำการพัฒนาท้องถิ่น ก็ไปร่วมสนับสนุนกิจการพัฒนาของพวกเขาด้วย โดยการกล่าวสัมโมทนียกถา การประพรมน้ำพระพุทธมนต์การนำสิ่งของเล็กๆน้อยๆ เช่น หมากพลู บุหรี่ เครื่องดื่ม ขนม เป็นต้น ไปฝากพวกเขาบ้างตามสมควรเพื่อเป็นเครื่องแสดงน้ำใจที่หวังดีปรารถนาดีร่วมกับพวกเขาด้วย