วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

วิธีเติมเงินเข้า เป๋าตัง ใช้จ่าย "คนละครึ่ง" ทำง่ายๆ


*** เติมเงินผ่าน Mobile Banking ทำได้ดังนี้
1. เปิดแอป เป๋าตัง เลือกเมนู G-Wallet แล้วคลิก เติมเงินเข้า G-Wallet
2. เลือกธนาคารที่ต้องการเติมเงิน
3. ทุกธนาคารจะขึ้นเมนูให้เลือก 3 ช่องทาง ได้แก่ เติมผ่านแอปพลิเคชัน Mobile Banking ของธนาคารนั้นๆ , QR พร้อมเพย์ และตู้ ATM
4. เลือกอันแรกที่แอปพลิเคชันของธนาคาร จากนั้นจะมีรหัส G-Wallet ID จำนวน 15 หลัก ขึ้นมาให้กดคัดลอก
5. กดคัดลอกรหัส G-Wallet ID แล้ว เปิดแอปพลิเคชันที่ต้องการเติมเงิน ไปที่เมนูเติมเงินจากนั้นเลือก "เติมเงินพร้อมเพย์" หรือ E-Wallet หรือบางธนาคารใช้ชื่อเมนูว่า PromtPay e-Wallet
6. นำรหัส G-Wallet ID ที่คัดลอกไว้แล้วไปวางในช่อง E-Wallet ID และใส่จำนวนเงินที่ต้องการเติมและคลิกเติมเงินตามปกติ


เปิดแอป เป๋าตัง เลือกเมนู G-Wallet แล้วคลิก เติมเงินเข้า G-Wallet

เลือกธนาคารที่ต้องการเติมเงิน



















วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2563

ปริศนาธรรม

 

ปริศนาธรรม
ปริศนาธรรม

#ปริศนาธรรม

1. ทองแท่ง จะไร้ค่า
2. พระปฏิมา เป็นกากปูน
3. กลากเกลื้อน จะเพิ่มพูน
4. พระพิรุณ จะซบเซา
5. ผ้าเหลือง จะโดนย่ำ
6. ตะกวดดำ จะเป็นเจ้า
7. ดอกตูม โรยแต่เช้า
8. หมาหัวเน่า ผึ้งจะตอม
9. บุปผา จะเป็นหมัน
10. คืนและวัน จะสั้นเข้า
11. นกน้อย จะลืมเหย้า
12. โคถึกเฒ่า จะวังเวง
1.ทองแท่ง จะไร้​ค่า
พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจะมีคนสนใจศึกษาก็​เหลือ​น้อยเต็มที ผู้​คนจะไม่เห็น​คุณ​ค่า ทั้งพระสงฆ์​สามเณร​และ​ฆราวาส​ก็​เบือนหน้า​หนีพระธรรม​คำสอน กับทั้งผู้​คนก็ไม่นิยมเข้าวัดฟังธรรม เห็น​วัด​เป็น​สถานที่​ไม่น่าอภิรมย์​ เข้า​วัด​เพื่อ​ไปเที่ยว แต่ไม่เห็น​เนื้อแท้ของ​ทองคำ
2.พระปฏิมา เป็น​กากปูน
ผู้​คนจะมองว่า​เป็น​เพียงรูป​เคารพเป็นเพียง​อิฐหินดินปูน เป็น​ของ​ประดับ เริ่มไม่เคารพพระพุทธรูปและเริ่มเสื่อมศรัทธาในพุทธศาสนามากขึ้น​กับทั้งมองว่า เป็น​แค่วัตถุ​ สิ่งของ
3.กลากเกลื้อน จะเพิ่ม​พูน
ความชั่วเลวทรามของผู้คนและความมีมิจฉาทิฏฐิจะเริ่มลุกลามแผ่ขยายมากขึ้น กับ​ทั้งความหยาบกระด้าง​และความมีนิสัยเถื่อนถ่อยของผู้คนจะลุกลาม​เป็น​เหมือน​กลากเกลื้อนที่ติดต่อกัน​ได้ จากพฤติกรรม​เลียนแบบกัน จะปรากฏ​ให้​เห็น​จนดาษดื่น​ไปทุกแห่ง
4.พระพิรุณ จะซบเซา​
น้ำจิตน้ำใจของผู้คนในสังคมจะเหือดแห้ง​มากขึ้น​จะมีแต่ความเห็นแก่ตัวให้เห็น กับทั้งฟ้าฝนก็จะแห้งแล้ง​ไม่​ตกต้อง​ตามฤดูกาล​
5.ผ้าเหลือง จะโดนย่ำ
ผู้​คนจะไม่กลัวบาปกลัวกรรม เมามันกับการติเตียนดูหมิ่นดูแคลนพระสงฆ์ กับทั้งพระสงฆ์​ สามเณร​ ก็​ไม่ตั้ง​อยู่ใน​ศีลในธรรม ไม่​เคารพรักธรรมนิยม ใช้​ผ้าเหลือง​แสวงหาลาภ จะหาผู้​มีศีลมีธรรมก็เหลือ​น้อย
6.ตะกวดดำ จะเป็นเจ้า
คนในตระกูล​ต่ำ คนมีจิตใจ​ต่ำทราม เมื่อ​ได้เป็น​ใหญ่​ครอง​อำนาจ ก็​จะ​เหลิงในอำนาจ หลงในอำนาจ จนพาบ้านเมือง​เสียหาย พาองค์กร​เสียหาย​ กับทั้งกินเงิน​หลวงไม่อายชาวบ้าน​ คาบไปกินต่อหน้าต่อตา​ก็​ไม่เกรงกลัว​คนเห็น
7.ดอกตูม โรยแต่เช้า
เด็กผู้หญิงเริ่มมีคู่ตั้งแต่อายุน้อยยังไม่โตเป็นสาวก็เที่ยวหาคู่​นอน ปทุมยังไม่เป็น​ถัน ก็​ได้เสียกันแล้ว กับทั้งเอาใจออกห่าง​พ่อแม่ แก่แดด ทั้ง​ที่​ยังเช้าอยู่​
8.หมาหัวเน่า ผึ้ง​จะตอม
คนไม่ดีคนเนรคุณคนชั่ว แต่สังคมจะยกย่องชื่นชม​ กับทั้ง​เชื่อ​คำพูด​คำปดของคนเหล่านี้​ ดุจผึ้งตอมกลิ่มภมรอันหอม
9.บุปผา จะเป็นหมัน
ส่วนคนดีนั้น ผู้คน​จะ​พากันด่า สาดเสียเทเสีย​ จนแทบแทรกแผ่นดิน​หนี คนทำดีคนจะไม่เห็น​ค่า ทำความดีกลับ​ถูก​ต่อว่า จนต้องแอบทำ ทำดีเท่าไหร่​ไม่​มี​คนเห็น​ แต่​คนจะกลับ​นิยมชื่นชม​คนมีอำนาจคนมีเงินว่าเป็น​คนน่ายกย่อง​
10.คืนและวัน จะสั้นเข้า
ผู้​คนจะเพลิดเพลิน​ไปกับการเสพสิ่งบันเทิง​ กิน เที่ยว ช้อปปิ้ง​ เล่นโซเชียล​ จนเวลาในแต่ละวัน​ผ่านไปจนไม่รู้​วันรู้คืน และวิถีชีวิต​ที่​ทำงานแลกเงินจนหมดเวลาไปกับการงาน ไม่มี​เวลาพูด​คุย​กับในครอบครัว​ เวลา​ใน​ครอบครัว​ก็​จะ​สั้นลงไปด้วย
11.นกน้อย จะลืม​เหย้า
คนรุ่นใหม่​ เด็ก​รุ่นใหม่​ คนสมัยใหม่​ จะลืมพ่อแม่และบ้านเกิดเมืองนอนของตน กับทั้งลืมวัฒนธรรม​ประเพณี​ของตน รากเหง้า​ของ​ตน
12.โคถึกเฒ่า จะวังเวง
คนเฒ่า​คนแก่​จะถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพังขาดลูกหลานดูแล
Cr.ใหม่​ โปร่งจิต

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2563

9 สิ่ง ที่ไม่มีใครเคยสอน

 9 สิ่ง ที่ไม่มีใครเคยสอน 🌟


1.ไปที่ชอบ ๆ ตอนมีชีวิตอยู่

มันยังทันอย่าไปที่ชอบ ๆ
ตอนตายไม่รู้จะไปได้จริง
รึเปล่า

2.เวลาเป็นสิ่งที่ย้อนคืนไม่ได้

เร่งมันไม่ได้ผ่านแล้วผ่านเลย
ต้องรู้จักบริหารจัดการกับมัน
ให้ดี

3.อยากมีความสุข

ก็ควรเลิกเปรียบตัวเอง
กับคนอื่นได้แล้ว เราเกิดมา
ในแบบเรา สง่าและงดงาม
ในแบบของเราเสมอ

4.ห้ามคนคิดไม่ดีกับเราไม่ได้

แต่เราห้ามใจเราคิดไม่ดีกับ
คนอื่นได้ เพราะการอภัยทาน
อาจทำยากหน่อย ถ้าทำได้
จะเป็นทานบารมีที่สูงที่สุด

5.ไม่มีใครลืมอดีตที่เลวร้ายได้

แต่คนที่มีความสุขกับปัจจุบันได้
คือคนที่กล้ายอมรับและรู้จัก
ปล่อยวางกับมัน

6.มีเพื่อนเยอะนั้นดี
แต่มีเพื่อนดีนั้นดีกว่าเยอะ

เพื่อนในชีวิตจริงไม่จำเป็น
ต้องมีเยอะมากมาย
เอาแค่จริงใจกับเรา
ไม่กี่คนก็พอ

7.มายังไงกลับไปยังงั้น

ทุกอย่างครอบครองได้
เพียงชั่วคราว เสียใจกับ
ความผูกพันได้ แต่จง
อย่าเสียดายเลยเพราะ
สุดท้ายเราก็หอบอะไร
ไปไม่ได้อยู่ดี

8.อยากมีความสุข ก็อย่าลืม
ทำตามสิ่งที่ ตัวเองชอบได้แล้ว

เราเกิดมาชีวิตเดียว
อย่าแคร์สายตา คำนินทา
ลมปากใคร เพราะคนที่ดูถูก
คนอื่นย่อมไม่ใช่คนดี แต่ที่สำคัญ
เราก็ต้องไม่ทำให้ใครเดือนร้อน

9.ความตายเกิดขึ้นกับเรา

อย่างแน่นอนแต่ไม่รู้เมื่อไหร่
เราควรปล่อยวางอดีตที่เสียใจ
เลิกคาดหวังพรุ่งนี้ว่าชีวิตจะดีไหม
เอาตัวเองอยู่กับวันนี้เวลานี้
แบบมีความสุขได้แล้ว...

เอาแต่ทำความดี

 “หลายๆคน

เอาแต่ทำความดี
เอาแต่ทำบุญกุศล

แต่ไม่ค่อยเปิดใจ
รับรู้ความจริงตามกฎธรรมชาติ

เมื่อประสบกับความเสื่อม
หรือสิ่งอันไม่เป็นที่รักที่พอใจ
จึงยังเกิดทุกข์มากอยู่

คนสองคนที่เป็นโรคเดียวกัน
คนหนึ่งเข้าวัดทำบุญ..
แต่เป็นทุกข์มาก

อีกคนหนึ่ง..
ไม่ได้เข้าวัด
แต่เข้าใจธรรมชาติ..
เข้าถึงธรรม
เขากลับอยู่อย่างสงบสุข

ธรรมะไม่ได้ป้องกันเราไม่ให้แก่
ไม่ให้เจ็บ ไม่ให้ตาย ไม่ให้สูญเสียได้

แต่ธรรมะเป็นเรื่องของ
การใช้สติปัญญามอง
และเข้าใจธรรมชาติ
ว่าเราจะทำใจเช่นไร
จึงจะไม่เกิดทุกข์...

-พระไพศาล วิสาโล-

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เตือนลูกเตือนหลานและเตือนตน การใช้เฟสบุ๊ค

เตือนลูกเตือนหลานและเตือนตน

รู้หรือไม่ ...หลายบริษัทหรือ ผู้หลัก ผู้ใหญ่

เดี๋ยวนี้เขาขอดูเฟสบุ๊ค

ประกอบกับการรับเข้าทำงานด้วย

เรื่องนี้ผมได้ข้อมูลมาจากเพื่อน

ที่เป็นเจ้าของบริษัทหลายคน

พูดตรงกันว่า เดี๋ยวนี้ต้องขอดูว่า

พฤติกรรม .. วุฒิภาวะ

ในการใช้โซเชี่ยลเป็นอย่างไร?

ผมถามด้วยความสงสัยว่า

ทำแบบนี้ได้อะไร?

คำตอบที่ได้คือ

มันเป็นการวัด ทัศนคติ

วุฒิภาวะ เพื่อใช้พิจารณา

ประกอบกับคุณสมบัติ

เพราะบางตำแหน่ง

บางบริษัท ให้ความสำคัญ

กับภาพลักษณ์บริษัท

ผมถามต่อว่า

#แบบไหนที่ไม่ผ่านเกณฑ์?

1. #เอะอะโพสต์ด่า

เดี๋ยวด่าการเมือง .. เดี๋ยวด่าคนนั้นคนนี้ 

ด้วยถ้อยคำหยาบคาย

มันแสดงความคิดเห็นถึง ภาวะทางอารมณ์ 

ที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ 

เวลามีงานสำคัญ หรือเกิดการขัดแย้งกันขึ้น 

คนพวกนี้ .. จะเลือกโพสต์ด่ามากกว่ายอมรับความจริง ซึ่งมีผลกับงาน

2. #เดี๋ยวบ่น 

เดี๋ยวระบายอารมณ์ลงโซเชี่ยล 

อันนี้ตัวชี้วัดอย่างดีว่า ควบคุมตัวเองได้แค่ไหน

หากควบคุมตัวเองไม่ได้

งานสำคัญก็รับผิดชอบไม่ได้

เพราะวันนึง ...

คนพวกนี้ จะบ่น ระบาย

สิ่งต่าง ๆ ที่เขาไม่พอใจในบริษัทลงโซเชี่ยล

3. #คนที่ใช้โซเชี่ยลมีเดียแบบไม่คิด

อยากแชร์อะไรก็แชร์ โดยไม่กลั่นกรอง 

โพสต์เอาแค่มันส์ .. สะใจกู

กูจะโพสต์ ก็นี่มันเฟสบุ๊คกู

คนแบบนี้ คอนโทรลยาก

และทำงานด้วยจะกลายเป็นภาระ

มากกว่าจะเป็นประโยชน์กับบริษัท

นี่คือที่ผมได้ยินมาระยะนึงแล้ว

จริงหรือเปล่าไม่แน่ใจ

แต่ที่แน่ ๆ ในกลุ่มบริษัท

ที่ผมรู้จักหลายบริษัท ทำกันแล้ว

ถ้าจริง ...

ผมก็อยากบอกว่า

ตัวอย่างมีให้เห็นมากมาย

ว่าการโพสต์ไม่คิด

นึกอยากโพสต์อะไรก็โพสต์

มันทำให้คน ตกงาน ชีวิตพัง

มานักต่อนักแล้วหละ

และอย่าคิดว่า

นี่มันชีวิตส่วนตัวฉัน

เรื่องของฉัน คุณคิดผิด

ยกตัวอย่างนึงแล้วกัน

เพื่อนผมคนนึง

รับเหมาก่อสร้าง

ไปติดต่อสร้างอาคาร

ให้กับบริษัทนึง

กำลังอยู่ในช่วง

เจรจาต่อรองราคา

ซึ่งเป็นเงินหลัก 15 ล้าน

ไม่รู้อีท่าไหน

ผู้ว่าจ้าง สืบประวัติคนรับงาน

คือเพื่อนผม ตามดูเฟสบุ๊ค พบว่า

ชอบลงรูปปืน

ชอบโชว์ปืน วางปืนไว้ข้างขวดเหล้า 

แล้วอัพโชว์ ว่ากูนี่แหละมีปืนนะ อย่ามาแหยมกับกู

เขาไปเจอคลิปนึง

เมากับเพื่อน แล้วยิงปืนขึ้นฟ้า

คลิปนั้นและพฤติกรรม

การใช้โซเชี่ยลของเขา

ทำให้เขาชวดงาน 15 ล้าน

ใครจะกล้าจ้าง

นักเลงที่ชอบโชว์ปืนไปสร้างอาคารให้?

ใครจะกล้าเอาเงินเป็นสิบล้าน

ให้นักเลงขี้เมา เมาแล้วยิงปืนขึ้นฟ้า?

เอะอะไม่พอใจใครก็โพสต์ด่า

ใครจะกล้ารับคุณเขาทำงาน

เกิดคุณไปทำงานกับเขา

วันดีคืนดี โพสต์ด่านักการเมือง

โพสต์ด่าอะไรแย่ ๆ

สร้างความเสียหายให้บริษัทเขาจะทำไง?

งานหายากนะคุณ โดยเฉพาะงานดี ๆ 

เขาไม่จ้างคนแย่ ๆ เข้าไปทำหรอก

และคนแย่ ๆ

ไม่มีทางได้งานดี ๆ เช่นกัน

ก่อนหน้านี้

ตอนที่โลกมันยังไม่มีโซเชียลมีเดีย

องค์กรใหญ่ ๆ บริษัทที่มีคุณภาพ

เขาจะไม่มีวันยอม รับคนไม่มีวุฒิภาวะ

เข้าไปอยู่ในบริษัทแน่นอน

เก่ง เรียนดี

แต่ไม่มีวุฒิภาวะ เขาก็ไม่เอา

เพราะฉะนั้น

คุณคิดเอาเองว่า

จากนี้ ควรใช้โซเชียลมีเดียยังไง

และขอให้จำไว้ว่า

ทุกอย่างที่คุณโยนลงไปในโซเชียลมีเดีย 

มันจะตามหลอกหลอนคุณตลอดชีวิต 

เอาคืนไม่ได้

คัดย่อจาก คุณสิริทัศน์ สมเสงี่ยม🙏🙏

#คิดก่อนโพสต์ใช้สมองมากกว่าอารมณ์

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2563

คำคมชีวิต

ชีวิตก็เหมือนละคร สุดท้ายก็มีตอนจบ 

ต่างกันแค่ละครมีผู้กำกับ 

ส่วนชีวิตจริงเราต้องกำกับตัวเอง

ให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการ

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2563

สุขของคฤหัสถ์ #ฟังธรรมะ#ธรรมะเพื่อชีวิต คลิปที่ 40



ธรรมเพื่อประโยชน์สุข ของผู้ครองเรือน
สุขของคฤหัสถ์ 4
หลักธรรม 4 ประการที่ทำผู้ครองเรือนมีความสุข
1. อัตถิสุข หมายถึง ความสุขอันเกิดจากการมีทรัพย์ โดยเฉพาะความภาคภูมิใจในทรัพย์ ที่หามาได้ด้วยแรงกาย สติปัญญาความสามารถของตนเอง
2. โภคสุข หมายถึง สุขอันเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง หรือสร้างประโยชน์สุขต่อบุคคลอื่นในสังคม
3. อนณสุข หมายถึง สุขจากการไม่เป็นหนี้
4. อนวัชชสุข หมายถึง สุขเกิดจากความประพฤติไม่มีโทษ คือความภูมิใจเอิบอิ่มใจว่าตนมีความประพฤติสุจริต ไม่บกพร่องเสียหาย ใครๆ ติเตียน ไม่ได้ทั้งทางกายวาจาใจ

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

แง่คิด ดีมาก มีประโยชน์ ต่อชีวิตประจำวัน


แง่คิด ดีมาก มีประโยชน์ ต่อชีวิตประจำวัน 1. ศีลไม่ได้อยู่ที่พระ ธรรมะไม่ได้อยู่ที่วัด เงินไม่ได้อยู่ที่เศรษฐี แต่ศีลอยู่ที่กายใจของเรา ธรรมะอยู่ที่สติ และเงินอยู่ทุกที่ ที่มีความขยัน 2. โลกเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่า เราใส่แว่นตาสีอะไรมองโลก หากมองโลกดี ชีวิตจะมีแต่สิ่งรื่นรมย์ หากมองโลกร้าย ชีวิตจะมีแต่วุ่นวายและทุกข์ระทม 3. จงดึงเอาความรู้สึกผิดที่เรามี มาเป็นแรงบันดาลใจให้ทำดียิ่งๆ ขึ้น อย่าจมอยู่กับอดีต มีแต่การสร้างตัวเองใหม่เท่านั้นที่จะหลุดพ้นจากความรู้สึกผิด 4. ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับความมี แต่อยู่ที่เราค้นพบว่า อะไรคือแก่นแท้ของชีวิต แล้วอยู่กับสิ่งนั้นด้วยความรัก คนนั้นก็คือคนมีความสุข 5. ยามใดที่ชีวิตพบกับความทุกข์ หากไม่มัวแต่เป็นทุกข์ ทว่าเรียนรู้ที่จะมองดูความทุกข์อย่างมีสติ อย่างแยบคาย * อย่างเป็นผู้ดู* ไม่ได้เป็นผู้เป็น* ความทุกข์ก็จะทอประกายแห่งความสุขออกมาให้เห็น 6. ในเมื่อไม่มีสิ่งที่เราชอบ เราก็ควรชอบสิ่งที่เรามี เพราะในโลกนี้ไม่มีใครได้ทุกสิ่งอย่างใจหวัง และจะไม่มีใครพลาดหวังทุกอย่างไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะทำ มีแง่ดีแง่งามอยู่เสมอ ขอให้เรามองให้เห็น ถ้ามองเห็น เราก็จะเป็นสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า 7. ในโลกแห่งความเป็นจริง คนทุกคนก็เป็นครูได้ คนเก่ง ไม่เก่ง ฉลาดรู้หนังสือ ไม่รู้หนังสือ ยากดีมีจน สัตว์ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เหตุการณ์ ดิน ฟ้า อากาศ ความผิดหวัง ความสมหวัง ความรัก ความชัง ฯลฯ เหล่านี้ คือ ครูในมหาวิทยาลัยชีวิต ที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้ ศึกษากันไปอย่างไม่มีวันจบ 8. อย่าแบกอะไรที่เกินกำลังของตัวเอง เพราะไม่เพียงแต่ มันจะทำให้เราเป็นทุกข์ แต่บางทีอาจมีผลต่อการยืนตรงๆ อย่างยาวนานของเราด้วย 9. เรื่องบางเรื่องไม่ใช่เรื่องที่ควรทุกข์ แต่พอเราไม่ยอมปล่อยวาง ทุกข์ก็รุกคืบเข้ามา เรื่องบางเรื่องใครต่อใครก็เห็นอยู่ว่า ทุกข์หนักหนาสาหัส แต่สำหรับคนที่ปล่อยวางเป็น ก็เป็นสุข คือ ความสุขหรือความทุกข์ บางครั้งอยู่ที่ “ท่าที” ในการเผชิญของเราเป็นสำคัญ ถ้า “รู้เท่าทัน” สิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างมีสติ ทุกข์อาจกลายเป็นสุข, ปัญหาอาจกลายเป็นปัญญา, วิกฤติอาจถูกแปรเป็นโอกาส 10. ความล้มเหลว เป็นส่วนผสมของชีวิตซึ่งขาดไม่ได้ คนที่ไม่เคยล้มเหลว คือคนที่ไม่เคยทำอะไร ด้วยข้อเท็จจริงเช่นนี้ คนที่กำลังคิดการใหญ่ทุกคน จึงมองความล้มเหลว ด้วยสายตาที่เป็นบวก เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่า ความล้มเหลว เป็นฝาแฝดกับความสำเร็จ

เงินเยียวยาโควิดสำหรับพระ


หัวละ 40 บาท !!!
เงินเยียวยาโควิดสำหรับพระ
ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
เห็นแล้วอยากร้องไห้แทนพระไทยทั่วประเทศ
พศ. และองค์กรคณะสงฆ์สนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือวัดที่ขาดแคลนและได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
1) โอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณจากงบเงินอุดหนุนทั่วไป โครงการเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายสนับสนุนวัดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรค COVID-19 วงเงิน 21.36 ล้านบาท ดังนี้
1.1) อุดหนุนวัดที่เป็นศูนย์กลางระดับจังหวัด ๆ ละ 50,000 บาท รวม 3.80 ล้านบาท และ
1.2) อุดหนุนวัดที่เป็นศูนย์กลางระดับอำเภอๆ ละ 20,000 บาท รวม 17.56 ล้านบาท
2) งบประมาณจากกองทุน "วัดช่วยวัด" พ.ศ.2562 วงเงิน 24 ล้านบาท ได้จัดสรรให้กับวัดและพระภิกษุสามเณร ในลักษณะสมทบรายหัวๆ ละ 40 บาท จำนวน 20,000 รูป (งวดแรก) จากวัดที่ พศ. จังหวัดรายงานและรับรองข้อมูลวัดที่ต้องช่วยเหลือเร่งด่วน
 (ที่มา : แนวหน้า 19 พฤษภาคม 2563)
ในระหว่างที่เรารอ 5 พัน พระท่านรอ 40 บาท
ฝากพุทธศาสนิกชนช่วยพระทั่วประเทศ อย่างน้อยๆมาใส่บาตรก็ยังดี ให้พระพอมีข้าวฉันตามสมณบริโภคครับ
ที่มา FB:ไปกับคุณ ษรกฤต ผลลูกอินทร์
----------------------------

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2563

อย่ารังเกียจเราเลย COVID19

อย่ารังเกียจเราเลย

พอทราบข่าวการปรับภาระกิจ ให้ โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา เป็นโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ป่วย COVID 19  ที่ไม่อาจคาดเดาความรุนแรงของการระบาดในพื้นที่โคราช ก็เริ่มมีความเข้าใจผิด มองโรงพยาบาล มองบุคลากรของเราด้วยสายตาแปลกๆ ตั้งท่ารังเกียจ ไม่อยากมา ไม่อยากพบหน้า

ในความเป็นจริง ทุกโรงพยาบาลในจังหวัด ล้วนแต่เตรียมรับผู้ป่วย COVID 19.  รพ. มหาราช เตรียมรับผู้ป่วยโควิด 19 ขั้นวิกฤต 30-50 ราย รวมทั้งผู้ป่วยโรคอื่นๆ กว่าพันราย. รพ. มทส. เตรียมรับ ผู้ป่วยอาการเบา และปานกลาง  76 ราย. รพ.ชุมชน รับ ผู้ป่วย อาการเบา จำนวนมากน้อยตามความรุนแรงของการระบาด

รพ. เทพรัตน์นครราชสีมา ปรับเป็น โรงพยาบาลสนาม ร่วมมือกันดูแลเฉพาะผู้ป่วย COVID 19 อาการปานกลาง ด้วยทีม แพทย์ พยาบาล ทั้งจังหวัด รับได้ 150 ราย  การวางแผนแบบนี้ จะช่วยให้ เราสามารถรับมือกับ COVID 19 ได้เหมาะสม ภายใต้ทรัพยากรเท่าที่มีอยู่ และพยายามจัดหาเพิ่มเติมแข่งกับเวลา

บางคนมองโรงพยาบาลตอนนี้ เป็นสถานที่อันตราย มองบุคลากรของเราเหมือนตัวเชื้อโรค แต่ในความเป็นจริงทุกโรงพยาบาล พยายามจัดระบบเพื่อความปลอดภัยของผู้มารับบริการและบุคลากร อย่างเต็มที่ ความเสี่ยงในขณะนี้มีอยู่ทุกแห่ง ถ้าไม่ระวัง ในโรงงาน ในตลาด ในที่ชุมชน ทั้งคนที่ท่านรู้จัก หรือครอบครัวของท่าน อาจป่วยโดยไม่รู้ตัว. เพื่อนหรือผู้ร่วมงานของท่านอาจแพร่เชื้อให้ท่านโดยไม่ตั้งใจ

โรงพยาบาลอาจเป็นที่ปลอดภัยที่สุด บุคลากรของเราอาจเป็นที่พึ่งของท่านก็ได้ ช่วยเราให้เตรียมรับมือกับการระบาดของโรค ให้กำลังใจเรา ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อพวกท่านทุกคน

อย่ารังเกียจเราเลย

cr.ท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา

#สู้ไปด้วยกันนะคะ
#เราต้องรอด