วันอังคารที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2560

โทษของหญิง ที่มีต่อบุรุษผู้ปรารถนาพระนิพพาน

โอวาทของพระอริยเจ้า
   
        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การติดต่อกับมาตุคาม เป็นปฏิปักษ์ต่อพรหมจรรย์ ภิกษุพึงปฏิบัติต่อมาตุคาม ๓ ประการคือ ๑.การไม่เห็น ๒.ถ้าจำเป็นต้องเห็นก็ไม่พึงเจรจาด้วย ๓.ถ้าจำเป็นต้องเจรจา พึงตั้งสติไว้

        ธรรมดาว่าหญิงเป็นคนมักโกรธ ไม่รู้จักคุณ ชอบส่อเสียด ชอบยุยงให้แตกกัน ดูก่อนภิกษุ ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์เถิด ท่านจักไม่เสื่อมจากความสุข

        ธรรมดาว่าหญิงเหล่านี้ เป็นผู้ยังบุรุษให้งงงวย มีมารยามาก และยังพรหมจรรย์ให้กำเริบ ย่อมจะจมลงในอบาย บัณฑิตรู้ชัดอย่างนี้แล้วพึงหลีกเว้นเสียให้ห่างไกล

        ธรรมดาสตรี มีปกติหมุนเวียน มีมายามาก มักทำพรหมจรรย์ให้กำเริบ ย่อมทำนักพรตให้จมลง ท่านรู้แจ้งฉะนี้แล้วพึงเว้นเสียให้ห่างไกล

        สตรีทั้งหลายมีวาจาไพเราะ มีสภาพอ่อนหวาน ยากที่จะให้เต็มได้เสมอด้วยแม่น้ำ

        สตรีทั้งหลาย ย่อมเข้าไปส้องเสพบุรุษใด ด้วยความพอใจ หรือด้วยทรัพย์ก็ตาม ย่อมพลันตามเผาผลาญบุรุษนั้น เหมือนไฟป่าเผาสถานที่ตนเองฉะนั้น

        มุนีเหล่าใดย่อมไม่พัวพันในหญิงทั้งหลาย มุนีเหล่านั้นย่อมนอนหลับเป็นสุข

        สัจจะที่ได้ยากแสนยากในหญิงเหล่าใด หญิงเหล่านั้นอันบุคคลต้องรักษาทุกเมื่อแท้

        ราคะ บัณฑิตกล่าวว่าเป็นทางผิด วัยสิ้นไปตามคืนและวัน หญิงเป็นมลทินของพรหมจรรย์ หมู่สัตว์นี้ย่อมติดอยู่ในหญิงนี้  ตบะและพรหมจรรย์นั้นมิใช่น้ำ แต่เป็นเครื่องชำระล้าง

        น้ำดองในโลกเขาเรียกชื่อว่าสุรา สุราทำให้ใจฮึกเหิม มีกลิ่นหอม ทำให้พูดมาก มีรสหวานแหลมปานน้ำผึ้ง พระอริยะทั้งหลายกล่าวสุรานั้นว่าเป็นพิษของพรหมจรรย์

        หญิงในโลกย่อมย่ำยีบุรุษผู้ประมาทแล้ว หญิงเหล่านั้นย่อมจูงจิตของบุรุษไปเหมือนลมพัดปุยนุ่นที่หล่นจากต้นไปฉะนั้น นี่บัณฑิตกล่าวว่าเป็นเหวของพรหมจรรย์

        ลาภ สรรเสริญ สักการะ และการบูชาในตระกูลอื่นๆ นี่บัณฑิตกล่าวว่าเป็นเปือกตมของพรหมจรรย์

        เบญจกามคุณอันน่ารื่นรมย์ใจเหล่านี้คือ รูป รส กลิ่น เสียง และโผฏฐัพพะ ที่มีปรากฏอยู่ในเรือนร่างของผู้หญิง ย่อมล่อลวงปุถุชนให้ลำบาก เหมือนพรานเนื้อแอบตัดเนื้อด้วยเครื่องดัก พรานเบ็ดจับปลาด้วยเบ็ด บุคคลจับวานรด้วยเครื่องล่อฉะนั้น

        ปุถุชนเหล่าใดมีจิตกำหนัด เข้าไปส้องเสพหญิงเหล่านั้น ปุถุชนเหล่านั้นย่อมยังสงสาร(วัฏฏะ)อันน่ากลัวให้เจริญ ย่อมก่อภพใหม่ขึ้นอีก  ส่วนผู้ใดงดเว้นหญิงเหล่านั้นเหมือนบุคคลสลัดหัวงูด้วยเท้า ผู้นั้นเป็นผู้มีสติ ระงับตัณหาอันซ่านไปในโลกเสียได้ เห็นโทษในกาม เห็นการออกบรรพชาด้วยความเกษม สลัดตนจากกามทั้งปวงแล้ว ได้บรรลุความสิ้นอาสวะ

        บัณฑิตเจรจากับบุรุษผู้ถือดาบอย่างคมกล้า พึงเจรจากับปิศาจผู้ดุร้าย แม้จะพึงเข้าไปนั่งใกล้งูพิษร้าย แต่ไม่ควรเจรจากับหญิงตัวต่อตัว เพราะว่าหญิงเป็นผู้ย่ำยีจิตของโลก ถืออาวุธคือการฟ้อนรำขับร้องและการเจรจา ย่อมเบียดเบียนบุรุษผู้ไม่ตั้งสติไว้ เหมือนหมู่รากษสที่เกาะเบียดเบียนพ่อค้าฉะนั้น

        หญิงไม่มีวินัย ไม่มีสังวร ยินดีในน้ำเมาและเนื้อสัตว์ ไม่สำรวม ผลาญทรัพย์ที่บุรุษหามาได้โดยยากให้ฉิบหาย เหมือนปลาติมิงคละกลืนกินมังกรในทะเลฉะนั้น

        หญิงมีกามคุณห้าอันน่ายินดีเป็นทำเลหากิน เป็นคนหยิ่ง จิตไม่เที่ยงตรง ไม่สำรวม ย่อมเข้าหาชายผู้ประมาท เหมือนแม่น้ำทั้งหลายอันไหลไปสู่มหาสมุทรฉะนั้น

        หญิงได้ชื่อว่าฆ่าชายด้วยราคะและโทสะ เข้าไปหาชายคนใดเพราะความพอใจ เพราะความกำหนัด หรือเพราะความต้องการทรัพย์ ย่อมเผาชายเช่นนั้นเสียเช่นกับเปลวไฟ

        หญิงรู้ว่าชายมั่งคั่ง มีทรัพย์ ย่อมเข้าไปหาชาย ย่อมให้ทั้งทรัพย์และตนเอง ย่อมเกาะชายที่มีจิตถูกราคะย้อม เหมือนเถาย่านทรายเกาะไม้สาละในป่าฉะนั้น

        หญิงประดับร่างกายหน้าตาให้สะสวย เข้าไปหาชายด้วยความพอใจมีประการต่างๆ ทำยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ใช้มารยาตั้งร้อย เหมือนดั่งคนเล่นกลและอสุรินทราหู

        หญิงประดับประดาด้วยทองแก้วมณีและมุกดา ถึงจะมีคนสักการะและรักษาไว้ในตระกูลของสามี ยังประพฤตินอกใจสามี ดั่งหญิงที่อยู่ในทรวงอกประพฤตินอกใจมาณพฉะนั้น

        จริงอยู่ นรชนผู้มีปัญญาเครื่องพิจารณา แม้จะมีเดช มีมหาชนสักการบูชา แต่ถ้าตกอยู่ในอำนาจของหญิงแล้ว ย่อมไม่รุ่งเรือง เหมือนพระจันทร์ถูกราหูจับฉะนั้น

        โจรผู้มีจิตโกรธคิดประทุษร้าย พึงกระทำแก่โจรอื่นซึ่งเป็นข้าศึกที่มาประจัญหน้า ส่วนผู้ตกอยู่ในอำนาจของหญิง ไม่มีอุเบกขา ย่อมเข้าถึงความพินาศยิ่งกว่านั้นอีก

        หญิงถึงจะถูกชายฉุดกระชากลากผม และหยิกข่วนด้วยเล็บ คุกคามทุบตีด้วยเท้า ด้วยมือและท่อนไม้ ก็กลับวิ่งเข้าหา เหมือนหมู่แมลงวันที่ซากศพฉะนั้น

        บุรุษผู้มีจักษุคือปัญญา ปรารถนาความสุขแก่ตน พึงเว้นหญิงเสีย เหมือนกับบ่วงและข่ายที่ดักไว้ในสกุลในถนนสายหนึ่งในราชธานีหรือในนิคม บุรุษผู้ตกอยู่ในอำนาจของหญิงย่อมถูกติเตียนทั้งโลกนี้และโลกหน้า กรรมของตนกระทบแล้ว เป็นคนโง่เขลา ย่อมไปพลั้งๆพลาดๆ โดยไม่แน่นอน เหมือนรถที่เทียมด้วยลาโกงย่อมผิดทางฉะนั้น

        ผู้ตกอยู่ในอำนาจของหญิง ย่อมเข้าถึงนรกเป็นที่เผาสัตว์ให้รุ่มร้อน และนรกอันมีป่าไม้งิ้ว มีหนามแหลมดั่งหอกเหล็ก แล้วมากำเนิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ย่อมไม่พ้นจากวิสัยเปรตและอสุรกาย

        หญิงย่อมทำลายความเล่นหัว ความยินดี ความเพลิดเพลินอันเป็นทิพย์ และจักรพรรดิสมบัติในมนุษย์ของชายผู้ประมาทให้พินาศ และยังทำชายนั้นให้ถึงทุคติอีกด้วย

        ชายเหล่าใดไม่ต้องการหญิง ประพฤติพรหมจรรย์ ชายเหล่านั้นพึงได้การเล่นหัว ความยินดีอันเป็นทิพย์ จักรพรรดิสมบัติในมนุษย์ และนางเทพอัปสรอันอยู่ในวิมานทองโดยไม่ยากเลย

        ชายเหล่าใดไม่ต้องการหญิง ประพฤติพรหมจรรย์ ชายเหล่านั้นพึงได้คติที่ก้าวล่วงเสียซึ่งกามธาตุ รูปธาตุ สมภพ และคติที่เข้าถึงวิสัยความปราศจากราคะโดยไม่ยากเลย

        ชายเหล่าใดไม่ต้องการหญิง ประพฤติพรหมจรรย์ ชายเหล่านั้นเป็นผู้ดับแล้ว สะอาด พึงได้นิพพานอันเกษม อันก้าวล่วงเสียซึ่งทุกข์ทั้งปวง ล่วงส่วน ไม่หวั่นไหว ไม่มีอะไรปรุงแต่งโดยไม่ยากเลย

        ขึ้นชื่อว่าหญิงในโลกนี้เลวทราม เพราะหญิงเหล่านั้นไม่มีเขตแดน มีแต่ความกำหนัดยินดี คึกคะนองไม่เลือก เหมือนกับไฟที่ไหม้ไม่เลือกฉะนั้น เราจักละทิ้งหญิงเหล่านั้นไปบวช พอกพูนความวิเวก

        หญิงเหล่านี้ดีแต่เมื่อยังไม่เข้าไปใกล้ เมื่อเข้าไปใกล้นำความฉิบหายมาให้เป็นนิตย์ทีเดียว

        บุคคลผู้ต้องการอาหารในเวลาอาหารพึงเข้าไปใกล้เรือนใด พึงรู้กุศลคืออโคจรห้าที่ควรเว้นในสกุลนั้น  บุคคลเข้าไปสู่ตระกูลอื่นเพื่อปานะหรือโภชนะแล้ว พึงรู้จักประมาณบริโภคแต่พอสมควร และไม่พึงใส่ใจในรูปผู้หญิง

        ในพวกมนุษย์ ชนที่ถึงฝั่งมีจำนวนน้อย แต่หมู่สัตว์นอกนี้ย่อมวิ่งไปตามฝั่งนั่นเอง ส่วนชนเหล่าใดประพฤติตามในธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว ชนเหล่านั้นข้ามบ่วงมฤตยูซึ่งแสนยากที่จะข้ามไปถึงฝั่งได้

        บัณฑิตพึงละธรรมฝ่ายดำเสีย เจริญธรรมฝ่ายขาว ออกจากความอาลัย อาศัยธรรมอันไม่มีความอาลัยแล้ว พึงละกามเสีย เป็นผู้ไม่มีกิเลสเป็นเครื่องกังวล ปรารถนาความยินดีในวิเวกที่สัตว์ยินดีได้โดยยาก

        บัณฑิตพึงยังตนให้ผ่องแผ้วจากเครื่องเศร้าหมองจิต ชนเหล่าใดอบรมจิตดีแล้วโดยชอบในองค์เป็นเหตุให้ตรัสรู้ ไม่ถือมั่น ยินดีแล้วในความสละคืนจากความถือมั่น ชนเหล่านั้นเป็นผู้สิ้นอาสวะ มีความรุ่งเรือง ปรินิพพานแล้วในโลกนี้

        อริยสาวกของพระตถาคต ย่อมไม่ยินดีในกามคุณแม้ในสวรรค์ จะป่วยกล่าวไปใยถึงกามคุณอันเป็นของมนุษย์เล่า ก็ชนเหล่าใดแลเป็นคนพาลมีปัญญาทราม มีความคิดชั่ว ถูกโมหะหุ้มห่อไว้แล้ว ชนเหล่านั้นจึงจะกำหนัดยินดีในเครื่องผูกที่มารดักไว้

        ชนเหล่าใด คลายราคะ โทสะ และอวิชชาได้แล้ว ชนเหล่านั้นผู้คงที่ เป็นผู้ตัดเส้นด้ายคือตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพขาดแล้ว ไม่มีเครื่องผูกพัน ย่อมไม่กำหนัดยินดีในบ่วงแห่งมารนั้นฯ.
ขอบคุณข้อมูลจาก https://sites.google.com/site/watluangpreechakul/women

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น