วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

พระอรหันต์ อยู่ไหน ?

พระอรหันต์ อยู่ไหน ?

เมืองจีนนั้นมีตำนานปรัมปราอยู่เรื่องหนึ่งว่ากันว่า  มีชายหนุ่มคนหนึ่งหลงใหลในเครื่องรางของขลังและผู้วิเศษขุนขลังขมังเวทย์มาก วันหนึ่งเขาได้ข่าวว่ามีพระธุดงค์มาจำพรรษาอยู่บนยอดเขาชาวบ้านเล่าลือกันว่าพระรูปนี้เป็น พระอรหันต์ จึงแตกตื่นพากันไปกราบไหว้วันละเป็นหมื่นคนพอชายหนุ่มได้ข่าว ก็รีบลาแม่เพื่อไปหาพระอริยบุคคลบนยอดเขา

ผู้เป็นแม่นั้นรักลูกมาก  แม้จะอายุมากจนหูตาฝ้าฟาง  แต่เมื่อลูกมาขออนุญาตเธอก็ไม่คิดจะห้าม

“ไปเถอะลูก  ถ้าเป็นความสุขของลูกแม่อยู่คนเดียวได้ ไม่เป็นไรหรอก”

ลูกชายเดินทางเจ็ดวันเจ็ดคืนจึงถึงยอดเขา  เขารอจนพลบค่ำจึงมีโอกาสได้เข้าไปกราบพระธุดงค์ที่มีหนวดเครายาวเฟื้อยเขาถามเข้าประเด็นทันทีว่า

“หลวงปู่ครับ  คนเขาลือกันว่าหลวงปู่เป็นพระอรหันต์  ผมบุกป่าฝ่าดงมาไกลแสนไกล  เพราะอยากรู้ว่าหลวงปู่เป็นพระอรหันต์จริงหรือไม่  ถ้าจริง  ผมจะได้กราบไหว้อย่างสนิทใจ  แล้วจะไปรับแม่ของผมมากราบหลวงปู่ให้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตสักครั้งหนึ่ง”

หลวงปู่ตอบว่า  “โยมเอ๋ย  อาตมาไม่ได้เป็นพระอรหันต์อะไรหรอก  คนเขาลือกันอย่างนั้นเอง”

“หลวงปู่ไม่ได้เป็นพระอรหันต์  แล้วมานั่งให้คนกราบทำไมเล่า”

“อาตมาก็ไม่ได้เรียกร้องให้ใครมากราบเขามากราบกันเอง  อาตมาก็สงเคราะห์เขาไป”

“ถ้าอย่างนั้นที่ผมเดินทางมาเจ็ดวันเจ็ดคืนนี่ก็เสียเวลาเปล่าน่ะสิครับ”

หลวงปู่ตอบว่า  “โยมไม่เสียเวลาหรอกอาตมาไม่ได้เป็นพระอรหันต์ก็จริง  แต่อาตมารู้ว่าพระอรหันต์มีคุณสมบัติอย่างไร  จำไว้นะ  พระอรหันต์มีคุณสมบัติสองประการหนึ่ง  ชอบสวมเสื้อกลับตะเข็บ  เอาด้านในมาไว้ด้านนอก  สอง  ชอบใส่รองเท้ากลับข้างเอาข้างขวามาใส่เท้าซ้าย  เอาข้างซ้ายมาใส่เท้าขวา  ถ้าเจอคนที่มีคุณสมบัติอย่างนี้ที่ไหนเข้าไปกราบไหว้ได้ทันที  นั่นแหละพระอรหันต์ตัวจริง”

ชายหนุ่มเดินทางกลับบ้านด้วยความผิดหวัง  พอใกล้ถึงบ้าน  เขาตะโกนเรียกหาแม่แต่ไกล  แม่ซึ่งกำลังหุงข้าวอยู่ในครัว  พอได้ยินเสียงลูกก็ทิ้งเตาไฟ  รีบคว้าเสื้อเก่า ๆ ขาด ๆ มาใส่  แล้วสวมรองเท้าด้วยความเร่งรีบ  ก่อนจะวิ่งถลันออกมากอดลูกชายด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ  ลูกชายกอดแม่พลางร้องห่มร้องไห้  น้ำตาไหลอาบไหล่ของแม่

“แม่ครับ  ผมรู้สึกแย่มากที่ถูกหลอกให้ขึ้นไปถึงบนยอดเขาไกลแสนไกล  แม่รู้ไหมไม่มีพระอรหันต์ในโลกนี้หรอกครับ  ผมไม่น่าจากแม่ไปเลย”

พอผละออกจากอ้อมอกแม่  ลูกชายก็สังเกตเห็นว่าแม่ของตนแก่ลงไปมาก  หนำซ้ำยังมีอาการคล้ายคนเลอะเลือน  เห็นได้จากการที่แม่ใส่เสื้อกลับตะเข็บ  กลัดกระดุมผิดเม็ด  และสวมรองเท้าผิดข้าง  ทั้งหมดเกิดจากอารามรีบร้อนวิ่งออกมารับขวัญลูกชายจึงไม่ได้ดูแลเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย

“แม่ดูแก่ไปเยอะเลยนะครับ”

แม่บอกว่า  “แม่แก่ขนาดนี้แล้ว  ลูกจะทิ้งแม่ไปไหนอีกหรือเปล่า”

“ไม่แล้วครับแม่  ผมไม่เชื่ออีกแล้วว่าโลกนี้มีพระอรหันต์”

ว่าแล้วลูกชายก็สวมเสื้อให้แม่ใหม่พลางถอดรองเท้าที่สวมผิดข้างออกให้ด้วยหมายจะสวมให้ถูกข้าง

ระหว่างที่ก้มลงจนหน้าแนบชิดติดเท้าทั้งสองของแม่  เขาก็พลันได้ยินเสียงหลวงปู่แว่วมาเข้าหูว่า…

“โยมไม่เสียเวลาเปล่าหรอกนะ  หลวงปู่ไม่ได้เป็นพระอรหันต์  แต่หลวงปู่รู้ว่าพระอรหันต์มีลักษณะอย่างไร  จำไว้  ถ้าเจอใครที่สวมเสื้อด้านในกลับมาเป็นด้านนอก  และสวมรองเท้ากลับข้าง  กราบได้ทันที  คนนั้นแหละคือพระอรหันต์ตัวจริง”

ถอดรองเท้าให้แม่ยังไม่ทันเสร็จลูกชายก็รู้สึกสว่างโพลงขึ้นมาในหัวใจ  คิดว่าตัวเองช่างโง่เหลือเกิน  วิ่งระหกระเหินไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำมหาสมุทรเพื่อแสวงหาพระอรหันต์  ถูกหลอกมานับครั้งไม่ถ้วนโดยหารู้ไม่ว่าแท้ที่จริงพระอรหันต์ก็คือพ่อแม่ของเรานั่นเอง

พ่อแม่ของเราคือพระอรหันต์ในบ้านถ้าไม่มั่นใจว่าพระที่วัดเป็นพระอรหันต์หรือไม่  เพราะเราไม่ได้อยู่กับท่าน  จึงไม่รู้จักท่านทุกแง่ทุกมุม  ก็จงอย่าเสียใจว่าไม่มีพระอรหันต์ให้กราบไหว้  เพราะยังมีพระอรหันต์องค์จริงอีกประเภทหนึ่ง  ซึ่งเป็นพระอรหันต์เฉพาะตนนั่น คือ พ่อแม่ของเราท่านจำพรรษาอยู่ในชายคาเดียวกันกับเรามาตลอดเวลา  สององค์นี้ให้ชีวิต  กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู  และรักเราอย่างไม่มีเงื่อนไขเป็นพระอรหันต์ตัวจริงในชีวิตเรา  แต่คำถามก็คือ  แล้วเราให้เวลาและความสำคัญกับพระอรหันต์สององค์นี้สมกับที่ท่านเป็นปูชนียบุคคลของเราหรือไม่

ก่อนจะไปกราบไหว้พระสงฆ์องค์เจ้าที่ไหน  จงอย่าลืมกราบไหว้พ่อแม่ของเราให้ได้เสียก่อน  นักปราชญ์ท่านบอกว่า “กราบพระหมื่นองค์แสนองค์ก็ไม่นับว่ามีคุณค่า  หากเธอยังไม่เคยกราบพ่อกราบแม่ของตัวเอง”  พระในบ้านนั้นเป็นพระอรหันต์ตัวจริง  เรากราบได้อย่างสนิทใจ  บำรุงได้อย่างเต็มที่  พ่อแม่เป็นเนื้อนาบุญของเราผู้เป็นลูกเป็นหลาน

ระหว่างที่คนกำลังสับสนกันว่าใครเป็นพระอรหันต์จริง ใครเป็นพระอรหันต์ปลอม  เราอย่าไปเสียเวลาสับสนกับเขา  จงมองกลับเข้าไปในบ้านของเรา  พ่อของเราอยู่ตรงนั้น  แม่ของเราอยู่ตรงนั้น…จงถามตัวเองว่า

เรากินอิ่มนอนอุ่น  ท่านกินอิ่มนอนอุ่นเหมือนเราหรือเปล่า

เรามีเงินมีทองใช้  ท่านมีเงินมีทองใช้เหมือนเราหรือเปล่า

เรามียศมีศักดิ์  ท่านมีศักดิ์เหมือนเราหรือเปล่า

เราสุขภาพดี  ท่านสุขภาพดีเหมือนเราหรือเปล่า

ก่อนที่เราจะทำดีกับคนทั้งโลก  อย่าลืมทำดีกับพระอรหันต์คนใกล้ตัวที่สุด  คือพ่อกับแม่เสียก่อน  เป็นการรับประกันได้ว่าเราทำดีไม่ผิดที่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น